แก้วโป่งข่ามอัญมณีของเมืองเถิน
![]() |
ลักษณแก้วโป่งข่ามที่นำมาเจียระไนแล้วทำเป็นแหวน สลักด้วยลวดลายสวยงาม |
คำว่า "แก้วโป่งข่าม" หมายเอาหินแก้วจากบริเวณดอยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของดอยโป่งหลวงในเขตตำบลแม่ถอด อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
แหล่งกำเนิด คือ บริเวณเทือกดอยขุนแม่อาบ ขุนแม่อวม และขุนดอยต่างๆ อันมีห้วยออกรู ดอยแม่ผาวง ดอยห้วยมะบ้า ดอยห้วยตาด ดอยโป่งหลวง ดอยห้อยกิ่วดู่ ดอยโป่งแพ่ง และดอยผาแดง เทือกเขาแม่อาบได้ให้กำเนิดลำห้วยแม่แก่ง และลำห้วยแม่เติน ซึ่งลำห้วยแม่แก่งเกิดมาจากดอยห้วยออกรูของดอยขุนแม่อาบ ส่วนลำห้วยแม่เตินเกิดมาจากดอยผาแดงที่อยู่ระหว่างดอยขุนแม่อวบและขุนดอยแม่อาบ เป็นส่วนหนึ่งของแนวเทือกเขาพันวานที่กั้นระหว่างเขตเมืองเถินและเขตเมืองลี้ จังหวัดลำพูน
โดยที่อาณาเขตของบ่อแก้วโป่งข่ามอยู่ในตอนล่างของดอยขุนแม่อาบและดอยผาแดง อันเป็นขุนดอยที่เป็นใหญ่กว่าเขาดอยทั้งปวงในระเวกนั้น และได้กำเนิดเรื่องราวอันศักดิ์สิทธิ์ของแก้วโป่งข่ามบริเวณศูนย์กลางของพื้นที่ดังกล่าว ที่เรียกกันว่า "ดอยโป่งหลวง" และได้ให้กำเนิดลำห้วยโป่งอยู่ระหว่างช่องดอยโป่งหลวงและโป่งแพ่ง ซึ่งห้วยโป่งได้ไหลไปรวมกับห้วยมะบ้าและห้วยแม่ผางวง ไหลลงสู่บริเวณหมู่บ้านนาบ้านไร่ แล้วไหลรวมกับห้วยบ่อช้างล้วงและลำห้วยแม่แก่ง ไหลไปบรรจบรวมกับแม่น้ำวังที่บริเวณบ้านสบเตินและบ้านสบแก่ง ซึ่งแม่น้ำวังเป็นสายน้ำสำคัญเสมือนสายโลหิตหล่อเลี้ยงผู้คนในเขตอำเภอเถินนี้ด้วย
ลำห้วยแม่แก่งที่จริงแล้วเป็เพียงลำห้วยเล็กๆ แทบจะไม่มีน้ำในยามฤดูแล้ง แต่ด้วยระบบชลประทานแบบเหมืองฝายของชาวบ้านจนสามารถเก็บกักน้ำได้ และสามารถจ่ายน้ำให้กับเขตพื้นที่ บ้านอุมลอง บ้านเวียง บ้านท่านาง บ้านล้อมแรด อันเป็นเขตพื้นที่ตั้งที่ว่าการอำเภอเถิน ทิศตะวันตกของแม่น้ำวัง
ตำบลแม่ถอด เป็นตำบลที่อยู่ด้านทิศเหนือสุดของอำเภอเถิน และอำเภอเถินก็ตั้งอยู่ส่วนทางทิศใต้ของจังหวัดลำปาง
![]() |
คำว่า "โป่งข่าม" หมายความว่า
คำว่า "โป่ง" ตามพจนานุกรมหลักภาษาไทยภาคพายัพ เรียบเรียงโดยพระธรรมราชานุวัตรราชบัณฑิตยสถาน จัดพิมพ์ในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ แปลคำว่า โป่งดิน คือ ดินโป่ง โป่งน้ำ คือ น้ำโป่ง มิได้แปลคำว่า โป่ง โดยเฉพาะ ส่วนพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๔๙๓ แปลคำว่า โป่งดิน คือ ดินที่มีเกลือ โป่งน้ำ คือ ช่องดินที่มีน้ำพุขึ้นมา คำว่า "โป่ง" หมายถึง ของที่พองลม เรียกผีที่อยู่ตามดินโป่ง ว่า ผีโป่ง เรียกป่าที่ดินโป่งว่า ป่าโป่ง
คำว่า "ข่าม" หมายถึง การอยู่ยงคงกระพัน
แล้วเมื่อเอาคำสองคำมารวมกัน จะแปลความหมายว่าอย่างไร
บริเวณตามผืนป่าตามขุนดอยแม่แก่ง มีดินโป่งอยู่หลายแห่ง ก่อนที่จะถึงบริเวณที่เรียกว่าโป่งหลวง แหล่งกำเนิดโป่งข่าม โดยมีโป่งแกอยู่บริเวณด้านซ้าย และโป่งเพ่ง โป่งแม่ล้อม อยู่ถัดออกไป ล้อมรอบบริเวณที่เป็โป่งหลวง พระฤาษีที่อาศัยอยู่ในป่ามักอาศัยถ้ำเป็นที่พำนักอาศัย และอาศัยเกลือจากโป่งดินด้วย ที่เขตลำน้ำแม่แก่งของตำบลแม่ถอดนี้ีมีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่ง ที่สันนิษฐานว่าอาจจะเคยเป็นที่พำนักของพระฤาษีในสมัยโบราณ ที่ปัจจุบันได้เปลี่ยนสภาพเป็นวัดแล้ว คือ วัดถ้ำสุขเกษมสวรรค์ นั่นเอง
โป่งหลวงเป็นสถานที่ที่มีสัตว์ป่าลงมาอาศัยกินดินโป่งมากเป็นพิเศษ และมีกิตติศัพท์ด้านความข่าม(ขลัง)ต่างๆ จึงได้เรียกว่า "โป่งดินที่ข่าม" ทั้งนี้คำว่าโป่งนี้อาจหมายถึงสิ่งที่ผุดขึ้มาด้วยก็ได้ เช่น โป่งน้ำร้อน ที่จังหวัดเชียงราย, ไส้เทียนที่ลงยันต์คาถาอาคมก็เรียกว่า โป่งเทียน, ดินที่เป็นพิษต่อการเจริญเติบโตของพืช ก็เรียกว่า โป่งแห้ง ในเขตตำบลบ้านเป้า อำเภอเมือง ลำปาง, หินที่มีเนื้ออ่อนใช้ลับมีดได้ เช่น หินในเขตอำเภอแจ้ห่ม ก็เรียกว่า หินโป่ง ซึ่งชาวตำบลแม่ถอดนำมาใช้เจียระไนแก้วโป่งข่ามอยู่ด้วยเสมอ
แหล่งแก้วตำบลแม่ถอด เป็นแก้วหินที่งอกอยู่ใต้ชั้นผิวดินในลักษณะที่ผุดขึ้นมาโดยช่องร้าวของชั้นดิน และจากการที่มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมา อาจจะีแปลความหมายว่าเป็นแหล่งที่ผุดขึ้นมาของความข่าม(ขลัง)คงกระพัน ณ สถานที่แห่งนั้นเป็นบริเวณโป่งแก้วอันล้ำค่า
เรื่องราวของโป่งข่าม
ประวัติเรื่องความคงกระพัน
ในเขตดอยโป่งหลวง เป็นบริเวณที่มีดินโป่งสำหรับสัตว์ป่าที่มาอาศัยกินได้ที่กว้างใหญ่ที่สุดในระแวกดอยต่างๆ อยู่ใกล้เขตป่าแพ่งที่เป็นต้นกำเนิดลำห้วยแม่โป่งที่ต่อมาได้ไหลไปรวมกับห้วยแม่แก่ง ยังให้เกิดดินโป่งอีก เช่น บริเวณโป่งแกและโป่งห่าง
เขตดอยโป่งหลวงมีพืชพันธุ์แมกไม้ร่มรื่น มีน้ำในลำห้วยเล็กๆไหลรินตลอดทั้งปี บริเวณดังกล่าวในสมัยโบราณใช้เป้นที่ชักลากไม้ไผ่และหาของป่า สำหรับขุมแก้วที่มีอยู่แม้จะมีการสืบทราบกันมานานแล้วแต่น้อยคนนักที่จะรู้แหล่งขุมแก้วต่างๆได้อย่างแน่นอน โดยวัตถุประสงค์ของผู้ที่เข้าป่ามีต่างกัน บางคนก็เข้าไปหาหน่อแก้ว บ้างก็หาของป่าล่าสัตว์ และก็ได้มีสกุลพรานป่าของบ้านแม่แก่ง ได้แก่ตระกูลของนายจี๋ สามีของนางปัน นามสกุลคำภิโรชัย มีผู้สืบสกุลสองคน ชื่อนางนวล และนายสุข นายจี๋เป็นน้าเขยของนายก๋วน เชื้อจิ๋ว อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๕ ตำบลแม่ถอด ซึ่งเป็นผู้ยืนยันเรื่องราวของนายจี๋ ว่าเป็นบุคคลที่มีตัวตนที่จะได้บอกเล่าเรื่องราวแก่ผู้เขียน ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ดังเรื่องราวต่อไปนี้
นายจี๋ คำภิโรชัย เสียชีวิตเมื่อมีอายุได้ ๙๐ ปี เมื่อราว พ.ศ. ๒๔๘๐ นายจี๋เป็นพรานป่าเก่าแก่ของบ้านแม่แก่งรุ่นแรกๆ ซึ่งรุ่นหลังถัดมา คือ นายแก้วมูล ราชอุปนันท์ เป็นผู้นำเรื่องราวของนายจี๋มายืนยันประกอบได้ในฐานะที่เป็นพรานป่ามาด้วยกัน ย่อมมีเคล็ดบางอย่างเป็นสำคัญ
เรื่องมีอยู่ว่า นายจี๋ไดออกไปล่าสัตว์บริเวณที่เป็นโป่งหลวง ปรากฏว่าเวลาที่ยิงปืนลูกปืนมักจะขัดลำกล้อง ยิงไม่ค่อยออกเป็นที่น่าประหลาดใจนัก ต่อมาก็ได้ทำคอกดักสัตว์ได้เก้งติดมาตัวหนึ่ง ก็หาวิธีฆ่าเก้งตัวนั้นเพื่อที่จะนำกลับไปบ้านด้วยวิธีใช้หลาวแทง แต่เก้งตัวนั้นก็รอดพ้นจากคมหลาวทุกครั้งไปและก็ได้หนีหลุดรอดไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ ได้สร้างความประหลาดใจรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงน่าสะกิดใจแก่พรานป่าเป็นอันมาก ทำให้นายจี๋ไม่กล้าออกไปล่าสัตว์บริเวณนั้นอีก เคยมีพรานป่าอื่นจะเผาป่าเพื่อล่าสัตว์บริเวณนั้น เมื่อจะจุดไฟ ไฟก็ไม่ติดไหม้ป่าแห่งนั้น และนายจี๋ก็ยังคงมีอาชีพพรานป่าแต่ก็คงล่าบริเวณอื่นที่ไกลจากบ่อโป่งหลวง เรื่องราวความคงกระพันอันมีคำว่า "ข่าม" จึงได้เกิดขึ้นมา ณ บริเวณนั้นควบคู่กับเรื่องของนายจี๋จากนั้นเป็นต้นมา เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นราวปี พ.ศ. ๒๔๔๐
นอกเหนือจากอภินิหารแก้วโป่งข่ามแล้ว ยังได้มีพรานป่าและคนหาของป่าที่ผ่านบริเวณนั้น มักจะได้พบแสงประหลาดอยู่เนืองๆ ออกมาจากบ่อโป่งข่ามหลวง ซึ่งสมัยก่อนก็เคยมีผู้คนเห็นแสงประหลาดขึ้นมาจากราวป่า แต่ก็ไม่รู้ว่าพิกัดอยู่ ณ ที่ใด เพิ่มเติม
เกี่ยวเนื่องกับแสงประหลาด ได้เคยมีผู้พบเห็นบริเวณทางเข้าไปบ้านนาบ้านไร่ จากการบอกเล่าของยายเค็ด บ้านเวียง เล่าว่า เมื่อก่อนการทำการเกษตรจำเป็นที่จะต้องออกไปหาที่ทำกินและแหล่งน้ำจากแหล่งที่ใกล้ลำห้วยและพื้นที่อุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านเวียงและบ้านอุมลองมักจะมีที่ทำกิน ไร่นา บริเวณ กม. 2-6 ถนนสาย เถิน-ลี้ ไปจนถึงบ้านนาบ้านไร่ เนื่องด้วยการเดินทางสมัยก่อนยังไม่สะดวกดังปัจจุบันอาศัยการเดินเท้าเป็นส่วนมาก จากการบอกเล่าของยายว่า วันหนึ่งขณะกำลังเดินทางไปไร่ที่ กม.6 การเดินทางต้องเดินทางเดินลัดท้องนาและป่าแพะ เวลาจวนพลบค่ำก็มาถึงตรงบริเวณเลยทางเข้าบ้านนาบ้านไร่ในปัจจุบัน ทันใดนั้นเองก็ปรากฎแสงสว่างสีเหลืองทองอยู่ด้านหน้าทางทิศตะวันตก แสงสว่างนั้นเป็นสีทองสุกสว่างอยู่ใต้โคนไม้ใหญ่ ลำแสงพุ่งขึ้นเป็นประกายสว่าง สวยงาม ครั้งแรกที่เห็นยายนึกว่าได้เห็นเพียงคนเดียว ครั้นจะสะกิดตาให้ดู ตาก็บอกว่าได้เห็นด้วยเหมือนกัน แสงสว่างนั้นสว่างมากกระทั่งเห็นกิ่งไม้ใบไม้ได้อย่างชัดเจน แสงสว่างปรากฏเป็นเวลาระยะหนึ่งก็ดับวูบลงไป จากการบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ท่านว่าเป็นปรากฏการ "คำขึ้น" (ทองคำผุด) แสดงว่ามีสมบัติเก่าิแก่หรือทองคำบริเวณนั้น ซึ่งพื้นที่บริเวณนั้นยังมีเรื่องราวปาฏิหารต่างๆอีกมากมายจากการบอกเล่าอีกหลายๆท่าน เช่น ผู้ที่ทำการเกษตรกรรมมักจะปลูกกระท่อมไว้พัก และเลี้ยงวัว มักจะพักค้างคืนในบางครั้ง ตกดึกมักจะได้ยินเสียงผู้คนเดินทางสัญจรไปมา เหมือนจะเดินทางไปร่วมงานประเพณีอะไรซักอย่าง ด้วยภาษาที่เจรจาพูดคุยไม่ใช่ภาษาถิ่นของเราอย่างแน่นอน และก็มองฝ่าไปในความมืดก็ไม่เห็นผู้สัญจรแต่อย่างไร อีกทั้งบริเวณนั้นเมื่อก่อนเคยเป็นทางช้างผ่าน หรือทางเดินของช้าง จะเป็นช้างป่าหรือช้างศึกก็ไม่อาจจะทราบได้ เคยมีผู้ไปแวะจอดรถข้างทางบริเวณนั้นตอนกลางคืน เล่าว่า ขณะจอดรถเพื่อจะทำธุระซักพักและขณะที่ยังติดเครื่องยนต์ของรถอยู่ ทันใดนั้นก็เหมือนมีอะไรมาเขย่ารถไปมาอย่างแรง ด้วยความตกใจกลัวจึงรีบออกรถโดยไม่่หันไปมองว่ามีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริเวณนั้นไม่มีสัตว์ใหญ่ที่พอจะเขย่ารถได้ ก็เป็นเรื่องเล่าเสริมเล็กๆน้อยๆ
บ่อแก้วผาแดงมีชื่อเสียงในการเป็นแหล่งกำเนิดแก้วน้ำดี
เนื้อแกร่งมีเส้นแร่ต่างๆ ที่เรียกว่าเส้นขนเหล็กขนไหมต่างๆ
ทั้งที่ตกเป็นเส้นกอและเส้นพุ่ม ส่วนบ่อแก้วโป่งหลวมมีชื่อเสียงเกี่ยวกับแก้วสีฟ้า
และสีฟ้าแร มีทั้งแก้วใส แก้วขาว และแก้วหม่นบ่อโป่งแพ่งมีทั้งสีฟ้าอ่อนและเส้นขนเหล็กขนาดเล็กๆ
ไม่เกินเส้นผม บ่อโป่งแพ่งนี้ อยู่ใกล้บ่อโป่งหลวง
และมีพวกแก้วปวกต่างๆถึงบ่อเด่นยาว อยู่ใกล้บ่อโป่งหลวง
และมีพวกแก้วปวกต่างๆถึงบ่อเด่นยาว ยังมีบ่อสำคัญอีกบ่อหนึ่ง คือบ่อห้วยช้างล้วงซึ่งเป็นเขาลูกเดียวกับห้วยออกรูต้นกำเนิดน้ำแม่แก่ง
ให้แก้วชนิดขนยุงแซมไหม หรือเส้นขนเหล็กแบบเส้นพุ่ม และแก้วแรทีออกสีชาจากแร่เฟลด์สปาร์
ซึ่งเรียกว่ามุกดาหาร (Moon Stone) มีเรื่องเล่ากันว่า แก้วประเภทขนยุงแซมไหม ยกให้เป็นแก้วปู่ขัน
ซึ่งเป็นลุงแก่ๆ นักหาหน่อแก้วลวดลายพิเศษซึ่งคนอื่นๆต้องอิจฉา ต้องสะกดรอยเพื่อค้นหาความลับบ่อแก้วของบ่อปู่ขัน
เรื่องราวในทำนองเดียวกันเกี่ยวกับแก้วสีฟ้า คือเรื่องของย่านวล หญิงแก่ผู้ค้นพบแก้วสีฟ้า
เราจะเห็นว่า ในกรุโบราณต่างๆ มีแก้วชนิดอื่นอยู่มาก แต่ขาดแก้วสองชนิดนี้
ซึ่งควรถือเป็นของดีที่เพิ่งค้นพบ และมีราคาสูงกว่าพวกตระกูล ?พลอยแดง? ที่พบในตำบลแม่วะ
การหาหน่อแก้วต่างๆกว่าจะพบหลุมแก้ว บางรายต้องใช้เวลาเป็นเดือนวิธีปฏิบัติบูชา บนเจ้าที่เจ้าทางเพื่อให้มีความสวัสดีมีชัยในการค้นหาหน่อแก้ว คือ ตั้งศาลเล็กๆขึ้น บนด้วยเหล้าไหไก่คู่ บางรายก็ย่อส่วนลงเหลือเพียงไก่ตัวเดียว มีคำขอและอธิษฐานอย่างง่ายๆตามโวหารแต่ละคน เช่นบางรายว่า
ขอแม่ธรณี เจ้าพ่อดอยโป่ง ดอยช้างล้วงและผาแดง ขอฮื่อข้าได้แก้วงามๆ ฮื่อปอสี่ซ้าห้าปันสักขุมสองขุม ได้แล้วจะบนหัวหมู... ฯลฯ? การขอบูชาดังกล่าว มีดอกไม้ธูปเทียน หลังจากได้แก้วแล้วก็มีการแก้บนด้วยหัวหมูหรืออื่นๆ แล้วแต่ที่บนไว้ แต่เป็นที่เชื่อกันว่า เจ้าพ่อโปรดหัวหมูมาก
การหาหน่อแก้วต่างๆกว่าจะพบหลุมแก้ว บางรายต้องใช้เวลาเป็นเดือนวิธีปฏิบัติบูชา บนเจ้าที่เจ้าทางเพื่อให้มีความสวัสดีมีชัยในการค้นหาหน่อแก้ว คือ ตั้งศาลเล็กๆขึ้น บนด้วยเหล้าไหไก่คู่ บางรายก็ย่อส่วนลงเหลือเพียงไก่ตัวเดียว มีคำขอและอธิษฐานอย่างง่ายๆตามโวหารแต่ละคน เช่นบางรายว่า
ขอแม่ธรณี เจ้าพ่อดอยโป่ง ดอยช้างล้วงและผาแดง ขอฮื่อข้าได้แก้วงามๆ ฮื่อปอสี่ซ้าห้าปันสักขุมสองขุม ได้แล้วจะบนหัวหมู... ฯลฯ? การขอบูชาดังกล่าว มีดอกไม้ธูปเทียน หลังจากได้แก้วแล้วก็มีการแก้บนด้วยหัวหมูหรืออื่นๆ แล้วแต่ที่บนไว้ แต่เป็นที่เชื่อกันว่า เจ้าพ่อโปรดหัวหมูมาก
![]() |
ลักษณะแก้วแต่ละชนิดที่เจียระไนเรียบร้อบแล้ว |
แก้ว ๓ กษัตริย์
แก้ว ๓ กษัตริย์ ได้แก่แก้วที่มีกำเนิดสามอย่างในแก้ว เช่นมีแก้วเข้าแร่ หรือร่วมกับแก้วเข้าแก้ว รวมเป็น ๓ อย่างเรียกตามชื่อสิ่งที่ปรากฏอยู่ เช่น แกวสามกษัตริย์ ปวก กาบ ขนเหล็ก, แก้วสามกษัตริย์ แก้วเข้าแก้ว กาบ เป๊ก ฯลฯ
แก้วที่มีสี ๓ อย่าง เคยมีผู้เรียกชื่อแก้วสามกษัตริย์แต่เมื่อมีการค้นพบว่า มีแก้วชนิดกำเนิดมากอย่างและมีสีสันสวยงาม ๓ อย่าง ได้เช่นกัน การจัดประกวดแหวนแก้วโป่งข่ามงามเด่น ในงานฉลองปีใหม่และกาชาดลำปาง พ.ศ.๒๕๑๓ ? ๒๕๑๔ คณะกรรมการจัดประกวดได้กำหนดลักษณะแก้วสามกษัตริย์ คือแก้วที่มีกำเนิด ๓ อย่างมิใช่แก้ว ๓ สี
ทรงผลึกของแร่ ?เป๊ก? (Pyrite)
แร่เป๊ก เป็นแร่ที่ถือเป็นแร่ศักดิ์สิทธิตามคติของชาวเมืองเหนือ เช่นเดียวกับชาวสุโขทัย ที่เรียกแร่ชนิดนี้ว่าข้าวตอกพระร่วง ออกสีทองหรือสีเขียว เป็นแร่ไพไรท์ทรงผลึกจัดในระบบไอโซเมตริค หรือระบบลูกเต๋า ซึ่งอาจจะเป็นทั้งทรงหักเหลี่ยม ปาดมุม แต่แนวตั้งฉากของเส้นแกนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส
คนเมืองเหนือเรียกแร่ไพไรท์สี่เหลี่ยมว่า เป๊กหน้าทั่งคือเหมือนทั่งตีเหล็ก อีกชนิดหนึ่ง ปาดมุมลงเหมือนลักษณะหีบธรรมโบราณ เรียกว่าเป๊กหลังหีบ ผลึกทั้งสองแบบนี้ พบในบ่อแก้วโป่งข่าม มีขนาดจิ๋วตั้งแต่เท่าหัวเข็มหมุดขึ้นมา ยังมีเป๊กแบบอื่นๆตามตำราโบราณ ซึ่งยังไม่พบตัวอย่างทรงผลึกที่จะเปรียบเทียบได้จากบ่อแก้วโป่งข่าม ซึ่งอาจจะค้นพบในโอกาสต่อไป เช่น เป๊กมะหลอด อันเป็นลักษณะคล้ายลูกสมอตามชื่อในตำรา ฯลฯ
แก้วโป่งข่ามแบบเส้นแร่บนขนเหล็ก (Hairstone)
เส้นแร่ที่ปรากฏอยู่ในแก้วโป่งข่าม บริเวณดอยโป่งแพ่งใกล้โป่งข่ามหลวง มักจะเป็นเส้นชนิดเล็กไม่เกินเส้นผม พบในแบบลายเส้นทแยง และลายเส้นขนหมู เป็นส่วนใหญ่ ในลักษณะสีดำซึ่งเรียกกันว่าเส้นเหล็กและขนเหล็ก ยังมีเส้นสีทองและสีแก้วซึ่งเป็นแร่ต่างชนิดกับพวกสีดำ
ขุมแก้วที่มีชื่อเกี่ยวกับชนิดเส้นเหล็กตามที่เรียกกันนี้ คือขุมแก้วดอยผาแดง ซึ่งมีทั้งเส้นเล็กเส้นใหญ่น้ำแก้วแกร่ง มีทั้งเส้นลายแบบขนาน และเส้นลายแบบเส้นพุ่ม ซึ่งหาได้ยากในขุมแก้วดอยอื่นๆ ที่หายากอีกแบบหนึ่งคือลายเส้นกระจาย
เส้นเหล็กที่ปรากฏอยู่ในแก้วโป่งข่ามนี้ อยู่ในประเภทแร่รูไทล์ (Rutile) ธาตุติตาเนียม (Titanium) เป็นแร่ประเภทโลหะซึ่งถือว่าเป็นแร่ที่ราคาแพง โดยกำเนิดเส้นแร่ดังกล่าวจะปะปนอยู่ในเนื้อแก้วควอตซ์ในรูปเข็มสีดำ ยังมีอีกพวกหนึ่งเป็นพุ่มดั่งขนมไกวาดหรือขนแปรง คือแร่มิลเลอไรท์ (Millerrite) นิคเกิลซัลไฟด์ (Nickle Sulfide) ยังมีพวกแท่งแก้ว หรือที่เรียกว่าหลักเงิน คล้ายผลึกทรงเข็มของพวกซัลโฟ (Sulfo Salt) พวก Boulangerite และ เส้นแร่ตะกั่วและพลวงชนิด Jasmesonite ก็มี ยังมีแร่อีกชนิดหนึ่งที่พุ่มเป็นเส้นแบบใบต้นตาลคือพวกแร่ Pseudobrookite ซึ่งในต่างประเทศพบในเมืองอูต้า พวกช่อพุ่ม หลักพุ่มต่างๆ อาจจะมาจาก Aragonite อันมีสีขาวและสีสันต่างๆสวยงาม ก็มีอยู่ในแก้วโป่งข่าม
ยังมีแก้วที่มีเส้นแร่ที่พบบ่อยในบ่อแร่อื่นๆ นอกบ่อโป่งข่ามในเขตจังหวัดลำปาง ซึ่งมีผู้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นบ่อเดียวกัน แต่มีลักษณะไม่สวยงาม แตกต่างกันจนสังเกตได้ง่าย แก้วที่เป็นเส้นแร่นอกบ่อโป่งข่ามดังกล่าว เท่าที่พบ อยู่ในประเภทแร่ทัวร์มาลิน ซึ่งแร่ดังกล่าวอยู่ในทรงผลึกเหลี่ยมเส้นตรง หัวท้ายเท่ากัน แท่งโตบางแท่งก็หยาบ คล้ายท่อนไม้ในลักษณะทะแยง เนื้อแก้วที่พบนั้นไม่ละเอียดและแข็งเหมือนแก้วโป่งข่าม
เส้นโลหะแบบเข็ม แร่รูไทล์ ปรากฏในเนื้อแก้วควอตซ์ซึ่งพบในบ่อแก้วโป่งข่ามดอยผาแดง โดยชื่อที่เรียกกันแพร่หลายว่า ?ขนเหล็ก? ฝรั่งเรียก ?Hairstone? ฉายาที่ฝรั่งให้คือ Fle?ches d?amour (Arrows of Love) และ Venus?s hairstone
แก้วปวก
คำว่าปวกเป็นภาษาเหนือ แปลว่า ต่อมน้ำหรือฟองน้ำ ตำนานพระธาตุลำปางกล่าวถึงลักษณะดั้งเดิมของพระธาตุเจ้าลำปางมีสัณฐานดั่งปุ่มปวกน้ำ คือลักษณะครึ่งวงกลมเช่นผลส้มผ่าครึ่ง ตามแบบพระสถูปอินเดีย สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชซึ่งเผยแพร่พระพุทธศาสนาถึงสุวรรณภูมิ
คำว่าปวก อันแปลว่าต่อมน้ำหรือฟองน้ำ จึงมีลักษณวิเศษณ์ที่แสดงถึงสิ่งที่มีลักษณะฟูขึ้นมา แร่ธาตุต่างๆ ที่มีอยู่ในแก้วโป่งข่ามดั่งต้นไม้ ดั่งใบหญ้า ดั่งตะไคร่น้ำ ดั่งปะการังและสาหร่าย เรียกว่าปวก แร่ที่เรียกว่าปวกใพวกมอสแอกแกท (Moss Agate) พวกแร่เฮมาไทท์ (Hematite) สีแดง แร่อีปิโดต (Epidote) สีเขียว และพวกแร่ทองแดงสีเขียว ฯลฯ ปวกต่างๆประเภทแร่สีและต่อมน้ำแก้วต่างๆ ทำให้เกิดชื่อปวกสี ปวกแก้วต่างๆปวกแร่สีที่ราบกับก้นแก้ว เรียกว่าปวกทรายแก้วปวกทรายคำตามสีสันและวาวสี ถ้ามีลักษณะฟูขึ้นมา เรียกว่าปวกปุย เช่นปวกปุยแล้ว ปวกปุยสีต่างๆ ปวกเครือ ปวกลอย คราบปวกที่กระจัดกระจายมีสีกระดำกระด่าง คนภาคกลางเรียกกันว่ากาหลง ปวกกาหลงมใช่ลักษรธแก้วชั้นดีของบ่อแก้วโป่งข่าม มักจะเป็นของที่มาจากที่อื่น
ลักษณะแก้ว
รัตนแก้วแก่นไท้ ๒๔ ดวง
แก้วหยาดจากฟ้าลงมา ๒๔ ดวง ตกลงมาโขงเขตห้อง จากเทศท้องเมืองอินทร์ คือเพราะมีสีออกนวลใยเหมือนแสงพระจันทร์
แร่เป๊ก เป็นแร่ที่ถือเป็นแร่ศักดิ์สิทธิตามคติของชาวเมืองเหนือ เช่นเดียวกับชาวสุโขทัย ที่เรียกแร่ชนิดนี้ว่าข้าวตอกพระร่วง ออกสีทองหรือสีเขียว เป็นแร่ไพไรท์ทรงผลึกจัดในระบบไอโซเมตริค หรือระบบลูกเต๋า ซึ่งอาจจะเป็นทั้งทรงหักเหลี่ยม ปาดมุม แต่แนวตั้งฉากของเส้นแกนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส
คนเมืองเหนือเรียกแร่ไพไรท์สี่เหลี่ยมว่า เป๊กหน้าทั่งคือเหมือนทั่งตีเหล็ก อีกชนิดหนึ่ง ปาดมุมลงเหมือนลักษณะหีบธรรมโบราณ เรียกว่าเป๊กหลังหีบ ผลึกทั้งสองแบบนี้ พบในบ่อแก้วโป่งข่าม มีขนาดจิ๋วตั้งแต่เท่าหัวเข็มหมุดขึ้นมา ยังมีเป๊กแบบอื่นๆตามตำราโบราณ ซึ่งยังไม่พบตัวอย่างทรงผลึกที่จะเปรียบเทียบได้จากบ่อแก้วโป่งข่าม ซึ่งอาจจะค้นพบในโอกาสต่อไป เช่น เป๊กมะหลอด อันเป็นลักษณะคล้ายลูกสมอตามชื่อในตำรา ฯลฯ
แก้วโป่งข่ามแบบเส้นแร่บนขนเหล็ก (Hairstone)
เส้นแร่ที่ปรากฏอยู่ในแก้วโป่งข่าม บริเวณดอยโป่งแพ่งใกล้โป่งข่ามหลวง มักจะเป็นเส้นชนิดเล็กไม่เกินเส้นผม พบในแบบลายเส้นทแยง และลายเส้นขนหมู เป็นส่วนใหญ่ ในลักษณะสีดำซึ่งเรียกกันว่าเส้นเหล็กและขนเหล็ก ยังมีเส้นสีทองและสีแก้วซึ่งเป็นแร่ต่างชนิดกับพวกสีดำ
ขุมแก้วที่มีชื่อเกี่ยวกับชนิดเส้นเหล็กตามที่เรียกกันนี้ คือขุมแก้วดอยผาแดง ซึ่งมีทั้งเส้นเล็กเส้นใหญ่น้ำแก้วแกร่ง มีทั้งเส้นลายแบบขนาน และเส้นลายแบบเส้นพุ่ม ซึ่งหาได้ยากในขุมแก้วดอยอื่นๆ ที่หายากอีกแบบหนึ่งคือลายเส้นกระจาย
เส้นเหล็กที่ปรากฏอยู่ในแก้วโป่งข่ามนี้ อยู่ในประเภทแร่รูไทล์ (Rutile) ธาตุติตาเนียม (Titanium) เป็นแร่ประเภทโลหะซึ่งถือว่าเป็นแร่ที่ราคาแพง โดยกำเนิดเส้นแร่ดังกล่าวจะปะปนอยู่ในเนื้อแก้วควอตซ์ในรูปเข็มสีดำ ยังมีอีกพวกหนึ่งเป็นพุ่มดั่งขนมไกวาดหรือขนแปรง คือแร่มิลเลอไรท์ (Millerrite) นิคเกิลซัลไฟด์ (Nickle Sulfide) ยังมีพวกแท่งแก้ว หรือที่เรียกว่าหลักเงิน คล้ายผลึกทรงเข็มของพวกซัลโฟ (Sulfo Salt) พวก Boulangerite และ เส้นแร่ตะกั่วและพลวงชนิด Jasmesonite ก็มี ยังมีแร่อีกชนิดหนึ่งที่พุ่มเป็นเส้นแบบใบต้นตาลคือพวกแร่ Pseudobrookite ซึ่งในต่างประเทศพบในเมืองอูต้า พวกช่อพุ่ม หลักพุ่มต่างๆ อาจจะมาจาก Aragonite อันมีสีขาวและสีสันต่างๆสวยงาม ก็มีอยู่ในแก้วโป่งข่าม
ยังมีแก้วที่มีเส้นแร่ที่พบบ่อยในบ่อแร่อื่นๆ นอกบ่อโป่งข่ามในเขตจังหวัดลำปาง ซึ่งมีผู้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นบ่อเดียวกัน แต่มีลักษณะไม่สวยงาม แตกต่างกันจนสังเกตได้ง่าย แก้วที่เป็นเส้นแร่นอกบ่อโป่งข่ามดังกล่าว เท่าที่พบ อยู่ในประเภทแร่ทัวร์มาลิน ซึ่งแร่ดังกล่าวอยู่ในทรงผลึกเหลี่ยมเส้นตรง หัวท้ายเท่ากัน แท่งโตบางแท่งก็หยาบ คล้ายท่อนไม้ในลักษณะทะแยง เนื้อแก้วที่พบนั้นไม่ละเอียดและแข็งเหมือนแก้วโป่งข่าม
เส้นโลหะแบบเข็ม แร่รูไทล์ ปรากฏในเนื้อแก้วควอตซ์ซึ่งพบในบ่อแก้วโป่งข่ามดอยผาแดง โดยชื่อที่เรียกกันแพร่หลายว่า ?ขนเหล็ก? ฝรั่งเรียก ?Hairstone? ฉายาที่ฝรั่งให้คือ Fle?ches d?amour (Arrows of Love) และ Venus?s hairstone
แก้วปวก
คำว่าปวกเป็นภาษาเหนือ แปลว่า ต่อมน้ำหรือฟองน้ำ ตำนานพระธาตุลำปางกล่าวถึงลักษณะดั้งเดิมของพระธาตุเจ้าลำปางมีสัณฐานดั่งปุ่มปวกน้ำ คือลักษณะครึ่งวงกลมเช่นผลส้มผ่าครึ่ง ตามแบบพระสถูปอินเดีย สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชซึ่งเผยแพร่พระพุทธศาสนาถึงสุวรรณภูมิ
คำว่าปวก อันแปลว่าต่อมน้ำหรือฟองน้ำ จึงมีลักษณวิเศษณ์ที่แสดงถึงสิ่งที่มีลักษณะฟูขึ้นมา แร่ธาตุต่างๆ ที่มีอยู่ในแก้วโป่งข่ามดั่งต้นไม้ ดั่งใบหญ้า ดั่งตะไคร่น้ำ ดั่งปะการังและสาหร่าย เรียกว่าปวก แร่ที่เรียกว่าปวกใพวกมอสแอกแกท (Moss Agate) พวกแร่เฮมาไทท์ (Hematite) สีแดง แร่อีปิโดต (Epidote) สีเขียว และพวกแร่ทองแดงสีเขียว ฯลฯ ปวกต่างๆประเภทแร่สีและต่อมน้ำแก้วต่างๆ ทำให้เกิดชื่อปวกสี ปวกแก้วต่างๆปวกแร่สีที่ราบกับก้นแก้ว เรียกว่าปวกทรายแก้วปวกทรายคำตามสีสันและวาวสี ถ้ามีลักษณะฟูขึ้นมา เรียกว่าปวกปุย เช่นปวกปุยแล้ว ปวกปุยสีต่างๆ ปวกเครือ ปวกลอย คราบปวกที่กระจัดกระจายมีสีกระดำกระด่าง คนภาคกลางเรียกกันว่ากาหลง ปวกกาหลงมใช่ลักษรธแก้วชั้นดีของบ่อแก้วโป่งข่าม มักจะเป็นของที่มาจากที่อื่น
ลักษณะแก้ว
รัตนแก้วแก่นไท้ ๒๔ ดวง
แก้วหยาดจากฟ้าลงมา ๒๔ ดวง ตกลงมาโขงเขตห้อง จากเทศท้องเมืองอินทร์ คือเพราะมีสีออกนวลใยเหมือนแสงพระจันทร์
คำตำนาน
|
ลำดับชื่อแก้ว
|
แก้วมหานิล
โชคลักขณาถูกชาตา
|
๑. แก้วมหานิล
|
แก้ววิตูลเลิศแล้ววิเศษ
|
๒. แก้ววิตูล
|
แก้วอุทุมพรจังกรวิเศษ
|
๓. แก้วอุทุมพรจังกร
|
แก้วผักตบเทศมงคล
|
๔. แก้วผักตบเทศ
|
วิตูลฝนแสนห่า
ข้าศึกล่าถอยหนี บัวระกฏใสยอดเต้า
|
๕. วิตูลฝนแสนห่า
|
มียศต่อเต้ามูลมา
|
๖. มรกต
|
สุริยประภาวิเศษ
วุฒิเทศนานา
|
๗. แก้วสุริยะประภา
|
แก้วประภาชมชื่น
เข้าของตื่นไหลมา
|
๘. แก้วประภาชมชื่น
|
วชิระเป๊กพรหม ๓ หน้า
ยศต๋ำฟ้าเหลือหลาย
|
๙. แก้วพรหมสามหน้า
|
วิตูลขนทะลายงามแล้ว
วิเศษแก้วบานงาม
|
๑๐. วิตูลขนทะลาย
|
แก้วปทัมราคบานซื่นช้อย
ค่าควรร้อยคำแดง
|
๑๑. แก้วปัทมราค
(ทับทิม)
|
จันทะแป๋ง ค่าหมื่น
|
๑๒. แก้วจันทระ
|
แก้วสุริยคราสชื่นคำปากยำ
|
๑๓. แก้วสุริยะ
|
มหานิลทรายคำกินบ่เสี้ยง
เหล็กขี้เมี้ยงเกิดเป็นคำ แก้วพระยาอินทร์ไอศวรยิงผาบโลก แสนโศกอว่ายหัวลง
|
๑๔.
แก้วมหานิลทรายคำกินบ่เสี้ยง
|
วิตูลองค์วิเศษ
ขนบ้งเทศไหมสน
|
๑๕. วิตูลขนบ้งซอนไหม
|
ก้อแดงผาบแป้
ข้าศึกล่าหนีไกล๋
|
๑๖. แก้วก้อ (ทับทิม)
|
แก้วสีปะลีใสสะอาด
ข่ามหน้าไม้นาคเป๋นขจวน
|
๑๗. แก้วสีปะลี
|
ปทัมก่านมวนวิเศษ
|
๑๘. แก้วปัทมราคลาย
|
วิตูลเทศสุขเกษม
วิตูลดีผิวเผือก
|
๑๙. วิตูลเผือก
|
น้ำค้างเกิดปล๋ายเขา
|
๒๐. นิลน้ำค้าง
|
รัตนเลาเลิศแล้ว
เรียกชื่อแก้วหมอกมุงเมือง
|
๒๑. แก้วหมอกมุงเมือง
|
ฤทธิ์เรืองเลิศล้ำ
น้ำผึ้งเป็นดี เนรกัณฐี
|
๒๒. แก้วเนรกัณฐี
|
มธุระกัณฐีใสบ่เศร้า
ยอดต่อเต้าผาบชมพู
|
๒๓. แก้วมธุรกัณฐี
|
อินทนิลแก้วเผือกงามผ่านแผ้ว
|
๒๔. แก้วอินทนิล
|
ลักษณะเป๊ก
ระบบทรงผลึกแร่?เป๊ก? ๖
๑. เป๊กข่ายพันชั้น ระบบสี่เหลี่ยม มีเหลี่ยมจดกันชุด้าน (เป๊กหลังหีบ) วรรณะดั่งเหล็ก-ทองคำ
๒. เป๊กหน้าทั่ง ระบบสี่เหลี่ยมลูกเต๋า หรือคล้ายทั่งตีเหล็ก วรรณะดั่งหล็ก-ทองคำ
๓. เป๊กมะหลอด ระบบคล้ายลูกสมอ วรรณะแดงดั่งน้ำห้าง หรือน้ำราก
๔. เป๊กซูมน้ำคำ ระบบปุ่มรอบตัวเอง วรรณะดั่งเหล็ก-ทองคำ
๕. เป๊กมะบ้าผีแป๋ง ระบบลูกสบ้า วรรณะน้ำตาลอมดำ
๖. เป๊กแมงเหนียงงำรัง ระบบคล้างตัวแมลงปีกแข็ง วรรณะน้ำตาลดำ
เป๊กที่ออกสีมุก เรียกว่าเป๊กมุกดา แต่ไม่ปรากฏลักษณะทรงผลึกฝนตำนาน ทรงผลึกแร่ต่างๆ ที่จะเรียกเป๊ก มักจะเป็นผลึกแร่โตนเสมอ จึงจะเรียกว่าเป๊ก
ลักษณะแก้วแสงวิชรเป๊กและลำดับคุณค่าอัตราซื้อขายในสมัยโบราณ
หมวดแก้วปทัมราค(แก้วปทัมราค)
- ปทัมราค สุวรรณมณีคำ วรรณะดั่งคำย้อม (วาวทอง) มีองคะดั่งแมงเหนี่ยง ทำรัง ค่าเหลือคณา
- ปทัมราค มีวรรณะดั่งมะม่วงสุก มีพื้นสระ ค่าห้าพันคำ
- ปทัมราค มีวรรณะดั่งน้ำราก (น้ำสนิมแดงโคลน) ค่าห้าพันคำ
- ปทัมราค มีวรรณะดั่งน้ำขมิ้น (เหลืองทอง) ค่าห้าพันคำ
- ปทัมราค มีวรรณะดั่งพริกสุก (เหลืองอมส้ม) ค่าสี่พันคำ
- ปทัมราค มีวรรณะดั่งชมพู่ ค่าร้อยเงิน
หมวดแก้วปทัมก่าน(ปทัมราคสหชาติ)
- สัตตรัตนปทัมก่าน วรรณะแดง มีไหมขาว-เขียว ปักหม่นสนเกี้ยวกันอยู่เต็มแก้ว ค่าเหลือคณา
- ปทัมก่าน น้ำแดงหัว น้ำดำกลาง น้ำเขียวขาวหาง ค่าหมื่นคำ
- ปทัมก่าน น้ำเขียวหัว น้ำดำกลาง น้ำเหลืองหาง ค่าพันคำ
- ปทัมก่าน มีเส้นแดงหัว เส้นแดงกลาง แก้วสามเส้นอยู่หาง ค่าพันคำ
หมวดแก้วก้อ(ทับทิม)
- แก้วก้อวิเศษมีฤทธิเหลือคณา คือแก้วก้อดิบ วรรณะขาวเหลือง มีสร้อยในแก้วดังบอกไฟ(บั้ง)หรือไฟผางปะตีป(ประทีบถ้วย)นั้นไหลไปมา ค่าเหลือคณา
- แก้วก้อเท่าเม็ดชมพู่ แดงดั่งอาทิตย์ รัศมีรุ้ง ๑๒ ขา ค่าเหลือคณา
- แก้วก้อมีฤทธิ์ ๘๐๐ วา เม็ดเท่าลูกปู
- แก้วก้อมีฤทธิ์ ๖๐๐ วา เม็ดเท่าถั่วน้อย (ถั่วแขก)
- แก้วก้อมีฤทธิ์ ๓๐๐ วา เม็ดเท่าถั่ว มีเปลวพุ่งขึ้นบน
- แก้วก้อมีฤทธิ์ปราบ ๒๐๐ วา เม็ดเท่าหอมป้อม (เม็ดผักชี) ค่าร้อยคำ
- แก้วก้อมีฤทธิ์ปราบ ๑๐๐ วา แดงอย่างหางและเลือดไก่ดิบ มีองคะแกมอ้อยดำ ค่าร้อยเงิน
หมวดแก้วมรกต
- มังคละจุฬามณี วรรณะดั่งน้ำผึ้ง ในแก้วมีรูปสี่เหลี่ยมรูปพระเจ้า รูปเจดีย์ รูปไม้ศรี (ต้นโพธิ์) รูปนกยูง รูปนกเขียน หงส์ ช้าง ราชสีห์ รถ เกวียน อยู่ข้างใน ค่าเหลือคณา
- มหาธุรกัณฐี วรรณะดั่งดอกหวายแห้ง แก้วน้ำผึ้งมีธนูคำกำปุ้ง ๖ ขา ค่าแสนคำ
- มรกตยอดเต้า วรรณะดั่งยอดเต้า ค่าแสนคำ
- มรกตผิวไผ่ วรรณะดั่งผิวไผ่ ค่าแสนคำ
- มรกตบ่อน้ำตาล วรรณะเขียวดั่งใบหอม มีกำปุ้งงำกลางไหลไปมา ค่าแสนคำ
- มรกตผิวหวาย วรรณะดั่งหวายแห้ง ค่าแปดหมื่นคำ
- มรกตสิ้วหัวเป็ด วรรณะสิ้ว (สีสิ้วคือสีเขียวหัวเป็ด) เวลาใช้เงินแถบ (เหรียญเงิน) ขูดมีขุยแดง คือ ดั่งขูดทองแดง ค่าหมื่นคำ
- มรกตปีแมงภู่ วรรณะดั่งปีแมงภู่ ค่าหกพันคำ
- ปรไมยไอศวร ทรงผลึกกลมดั่งหมากซัก (ลูกซัก) วรรณะดั่งน้ำจริง ค่าแปดหมื่นเงิน
- มรกตดอกจังกร วรรณะดั่งดอกจังกร ค่าหกพันเงิน
- มรกตสีแววคอนกยูง วรรณะดั่งแววคอนกยูง ค่าพันคำ
- มรกตเนรกัณฐี วรรณะดำดั่งรักมีแสงรัศมี แสด ขาว หม่นกาบอ้อยมีขากำปุ้ง
- มรกตนาควิตูล วรรณะดั่งน้ำรัก มีหมักคำออก ดั่งหมากน้ำเหลืองกลางแก้ว
หมวดแก้วมหานิล
- แก้วมหานิลปทัมราค วรรณะดำ ในแก้วเป็นน้ำปทัมราคแดงดั่งบอกไฟผางประทีป ค่าเหลือคณา
- มหานิลไข่กา วรรณะดั่งสีเปลือกไข่กา ค่าแสนคำ
- มหาอินทนิล วรรณะดั่งแววคอนกยูง ค่าแสนคำ
- มหานิลโภคำ วรรณะแดงแสดเกี้ยวขึ้นลูกแก้ว ค่าแสนคำ
- มหานิลทรายคำ มีหมัดทรายคำอยู่ในแก้ว
- มหานิลสีหมากซัก วรรณะดั่งลูกซัก ค่าพันคำ
- มหานิลเลือดไก่ วรรณะดั่งเลือดไก่ ค่าสี่พันเงิน
- มหานิลนกกระจาบ วรรณะดั่งนกกระจาบ รัศมีส่องใน ค่าพันเงิน
- มหานิลน้ำทับ วรรณะดำดั่งลูกหมากซัก ค่าพันเงิน
- มหานิลสีดอกผักตบ วรรณะดั่งดอกผักตบ ค่าพันเงิน
หมวดแก้ววิตูล
- วิตูลเทศไข่ฟ้า วรรณะดั่งประภาชมชื่น มีเงาป้านกลางดั่งเมฆขึ้นอากาศ มีลักษณะดั่งไข่นกจันทร์มีผิวจุ่มไว้ด้วยเหมย (น้ำค้าง)จับอยู่ ค่าเหลือคณา
- วิตูลน้ำผึ้ง วรรณะดั่งน้ำผึ้ง ค่าแสนคำ
- วิตูลประกาย มีแสงดั่งดาวประกาย ค่าแสนคำ
- วิตูลปทัมก่าน วรรณะดั่งน้ำผึ้งไหมแสดแดง แสดเหลืองผ่านในดั่งน้ำไหล ค่าแสนคำ
- วิตูลน้ำตาล วรรณะดั่งน้ำตาล ค่าสี่พันคำ
- วิตูลเทศฟองสมุทร มีน้ำไหลในดั่งแมงเหนี่ยงทำรัง ค่าพันคำ
- วิตูลดอกธารบุษ วรรณะดั่งดอกธารบุษ ค่าพันคำ
- วิตูลปุมเป้งปา วรรณะดั่งดอกปุมเป้งปา ค่าพันคำ
- วิตูลเทศดอกพุทธ วรรณะดั่งดอกพุทธรักษา ค่าห้าพันเงิน
- วิตูลขนทะลาย วรรณะขาวเหลือง ขนซ้อนกันเยื้อไปมา ค่าห้าพันเงิน
- วิตูลฝนแสนห่า วรรณะดั่งดอกคำ มีขนซ้อนขึ้น ค่าสี่พันเงิน
- วิตูลขนบ้ง วรรณะเขี้ยวก็มี เหลืองก็มี มีขนในแก้ว ค่าพันเงิน
- วิตูลน้ำหาย วรรณะใสดั่งต่อมน้ำ ค่าพันเงิน
- วิตูลน้ำค้าง วรรณะดั่งน้ำค้างชายคา ค่าพันเงิน
หมวดแก้วประภา(แก้วประพาฬ)
- แก้วประภา วรรณะดั่งดอกอ้อ(มันสมอง)จระเข้ ค่าแสนคำ
- แก้วประภา วรรณะดั่งดอกมะม่วงสุก ค่าสี่พันคำ
- แก้วประภา วรรณะดั่งแก่นตานกยูง ค่าสี่พันคำ
- แก้วประภา วรรณะดั่งหอยสังข์ ค่าพันคำ
- แก้วประภาชมชื่น นอนหลับตื่นลุกถิน วรรณะดั่งข้าวเปลือกแช่น้ำผิวเหลือง ค่าพันคำ
- แก้วจิรประภา วรรณะดั่งน้ำข้าวมวก(น้ำซาวข้าว) ไหมพานกลางแก้ว ค่าพันคำ
- ประภาเมฆมุงเมือง มีควันฝ้าอยู่ในแก้ว ค่าพันคำ
- ประภาน้ำครั่ง มีวรรณะดั่งน้ำครั่ง ค่าพันคำ
- สร้อยประภา(สุริยประภา) มีวรรณะแดงดั่งดวงตะวัน ค่าพันคำ
- จันทรประภา มีวรรณะขาวเหลือง ดั่งดอกบัว ค่าสามพันเงิน
แก้วเผือก
- แก้วเผือกวชิรเป๊กพรหม ๓ หน้า วรรณะสาม คือ ขาว ? เหลือง ? เขียว ค่าห้าพันคำ
- แก้วเผือกวรรณะดั่งหอยสังข์ มีเหลี่ยมสิบสองเหลี่ยม ค่าพันคำ
- แก้วเผือกวรรณะดั่งดอกตาเหิน(เขียวอ่อนดั่งใบข่า) ค่าพันคำ
- แก้วเผือกวรณะดั่งเขาไกรลาศ เหลี่ยมร้อยเหลี่ยม ค่าหมื่นเงิน
- แก้วเผือกคำคาย ขาวดั่งเงินดอกไหมคำคาย ค่าหมื่นเงิน
- แก้วเผือกวรรณะดั่งต่อมน้ำจริง มีแสดขาวเกี้ยวขึ้นไปต้องหน้าแก้ว ค่าสามพันเงิน
- แก้วเผือกวรรณะดั่งปลายเขายุคันธร มีองคะกลมดั่งลูกซัก ค่าพันเงิน
อัปมงคลว่าด้วยการถือสี
แก้ววิตูลลูกใด สีดั่งไฟแห้มไหม้ (ไฟไหม้เกรียม) ไม่เป็นมงคลกับผู้ถือ จัดเป็นโทษารัตนา
มงคลและอัปมงคลว่าด้วยการได้แก้ว
แก้วลูกใด เมื่อต่อซื้อขายกัน ได้ยินข่าวว่าเสียของ หรือด่ากันแก้วลูกนั้นมงคลแล
แก้วลูกใด ขณะเมื่อจะซื้อต่อรองราคากัน เมื่อใดยินข่าวมีคนตกน้ำตายในขณะที่เกี่ยงราคากันอยู่ จะมีมูลค่าเท่าไหร่ ควรเอาไว้แล จะเป็นแก้วมงคลเจริญยิ่ง
แก้วลูกใด เมื่อกำลังต่อซื้อขายกันอยู่ มีคนเอาของหวานมาให้รับประทาน แก้วลูกนั้นได้มาก็จะเป็นมงคล มีทรัพย์สินข้างม้าตามมาแล
แก้วลูกใด ซื้อขายกันแล้ว ได้แก้วนั้นมา มีคนเอาเงินและทรัพย์สินมาให้ มงคลแล
แก้วลูกใด ขณะเมื่อต่อรองซื้อขายกัน มีศพผ่านหน้าเราจักเป็นมงคลบริสุทธิ์นักแล
แก้วลูกใด เมื่อได้มาแล้ว นอนฝันเห็นศพเน่าพุพอง มงคลโชคชัยยิ่งนักแล
แก้วลูกใด เมื่อได้มาแล้ว ฝันเห็นบ่อน้ำก็ดี สระน้ำก็ดี ใสงาม แก้วนั้นย่อมเป็นมงคล ชุ่มเย็นนักแล
แก้วลูกใด เมื่อได้มาแล้ว ฝันเห็นฟักทอง ฟักเขียว กลิ้งเข้าประตูเรือน ดีนักแล
แก้วลูกใด ขณะเมื่อซื้อต่อรองกัน มีคนตาบอดเข้ามา อย่าเอาดีกว่า เพราะจะวินาศฉิบหายแล
แก้วลูกใด ขณะเมื่อซื้อต่อรองกัน มีคนสวมเสื้อแดงทัดดอกไม้เข้ามา ลางไม่ดี จะเสียของตนแล
แก้วลูกใด ขณะเมื่อซื้อต่อรองกันอยู่ มีคนเอาของส้มมาให้รับประทาน ลางไม่ดีจะเสียลูกและเมีย
แก้วลูกใด ขณะเมื่อซื้อต่อรองกันอยู่ มีคนเอาเหล้ามาให้กินลางมิดีแล
แก้วลูกใด เมื่อได้มาแล้ว มีคนชวนไปที่ไหน พึงปฏิเสธในวันที่ได้แก้วนั้น หาไม่จะเป็นพยาธิแล
แก้วลูกใด เมื่อได้มาแล้ว มีจิตโกรธ ลางไม่ดี จะเจ็บป่วยเดือดร้อนแล
แก้วลูกใด เมื่อได้มาแล้ว ฝันเห็นไฟ จะเสื่อมเดชแล
ลักษณะความเชื่อ เกี่ยวกับอย่างไหน ใช้ทางใด
ความเชื่อถือและความนิยมเกี่ยวกับแก้วโป่งข่ามแบบต่างๆ มีผู้นิยมเชื่อถือตามประสบการณ์และความเชื่อถือเก่าๆดังนี้
การอยู่ยงคงกระพัน
- แก้วสีฟ้า(บ่อแก้วโป่งข่ามหลวง คือ บ่อแก้วสีฟ้า และแก้วแร แก้วใส)
- แก้วปวกเขียว และปวกสีต่างๆ
- แก้วขนเหล็ก ขนไหม
- แก้วขาว
- แก้วเข้าเป๊ก(บ่อแก้วดอยเขาควาย)
- ขนเหล็กน้ำตัน ฯลฯ
การมีอำนาจชนะฝ่ายตรงข้าม
- แก้วเส้นต่างๆ(บ่อเด่นยาว)
- แก้วฝนแสนห่า
การมีเมตตามหานิยม
- แก้วสีฟ้าแร
- แก้วเนื้อลำไย
- แก้วปวกเขียว ปวกสีต่างๆ
- แก้วกาบ
- วิตูลต่างๆ(บ่อหนามเหี้ยง)รวมทั้งแก้วหินทราย แก้วหินสีต่างๆ
การมีฤทธิ์ คลาดแคล้ว และความสำเร็จ
- ได้แก่ แก้วปวกเขียว ซึ่งประวัติเรื่องราวมากที่สุด
การมีโชค และเป็นแม่แก้วต่างๆ
- แก้วเข้าแก้วจากหน่อแม่ และหน่อโตน
- แก้วเข้าเป๊ก
แม่แก้วหมายถึงแก้วที่ชอบมีบริเวณพ่วงตามมา เช่น เมื่อมีแก้ว ๑ แล้วมักจะได้ของดีตามติดกันมาอีก ผู้คนมีคาถาอาคมปลุกเสก ทดลองโดยเอาแก้ว ๑ อธิษฐาน แก้วที่มีลักษณะเป็นแม่เหนือกว่า จะหันหัวเข้าไปหาแก้ว ๒ ที่เป็นลูก
การมีโชค ลาภลอย
- แก้วแร
- แก้วเนื้อลำไย
การมียศ
- แก้วกาบ
- แก้วสุริยประภา(วิตูลหนามเหี้ยง แดงเพลิง)
ความชุ่มเย็น กันไฟ
- แก้วน้ำหาย
- แก้วเข้าแก้ว
- แก้วใสขาวต่างๆ
- แก้วเข้าสลัก รูปต่างๆ
ความอยู่เย็นเป็นสุข
- แก้วปวก
- แก้วกาบ
- แก้ววิตูลสีน้ำตันต่างๆ
ความผจญภัย
- แก้วขนเหล็ก น้ำใสและน้ำตันต่างๆ
-แก้วเข้าเป๊ก
ความมีชื่อเสียง อำนาจวาสนา ดีในการเดินทางและแสดงโชคลาง
- แก้วสีฟ้า
- แก้วหมอกมุงเมือง
- แก้วปวก ๓ สี
* แก้วสีฟ้า และปวกสี เมื่อจะมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง สีซีดลงมักมีข่าว หรืออยู่ในระยะกังวลใจ แก้วหมอกมุงเมือง เวลามันวาวมักมีโชคดีในการเดินทาง
ร่ำรวย มั่นคง
- แก้วสามกษัตริย์
- แก้วเข้าแก้ว
- แก้วประภาชมชื่น
- แก้วเข้าหลักเงิน หลักคำ
- แก้วกินบ่เสี้ยง
- แก้วทรายคำ? หมัดคำ
ยศตำแหน่ง
- แก้วพรหมสามหน้า
- แก้วกาบ
- แก้วสุริยประภา
- แก้วสลัก
- แก้วปวกต่างๆ ที่มีปรากฏการณ์เติบโตได้
อาจจะมีแก้วชนิดอื่นๆ ที่มีคุณค่าต่างกันออกไป โดยผู้ใช้ต้องอาศัยประสบการณ์ และสังเกตดูการต้องโฉลกในการใช้ เพราะการใช้แก้วนั้น เราจะทราบทันทีกับเหตุการณ์ที่ได้แก้วนั้นมาในระยะที่เริ่มใช้ ตำรวจชอบแก้วปวกเขียว พ่อค้าชอบปวกเขียว ข้าราชการชอบปวกสีและสีฟ้า ทหารชอบขนเหล็กน้ำตัน และขนเหล็กน้ำใส หนุ่มสาวชอบวิตูลต่างๆ พ่อค้าอาจจะไม่สู้ชอบขนเหล็กเท่าตำรวจ ทหารที่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับโชคชัยในการต่อสู้ แต่มิใช่โชคชัยในการค้าขาย
มนุษย์เรามีความเชื่อถือในพลังลี้ลับของแก้ว แต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แก้วนิลสีน้ำตาลในพิพิธภัณฑ์ปารีสถือว่าเคยเป็นแก้วอัญมณี เครื่องโชคลางแห่งสก๊อตแลนด์ มีการสืบทอดแก้วที่ถือเป็นโชคลาง ระหว่างพระเจ้าชาร์ล เลอมัง จนถึงพระเจ้านโปเลียน จนกระทั่งถึงพระเจ้าหลุยส์นโปเลียนที่ ๓
แก้วโป่งข่ามยังมีคุณในแก้วต่างชนิด จากประสบการณ์ต่งๆตามลักษณะความเชื่อถือที่แตกต่างกันออกไป
ระบบทรงผลึกแร่?เป๊ก? ๖
๑. เป๊กข่ายพันชั้น ระบบสี่เหลี่ยม มีเหลี่ยมจดกันชุด้าน (เป๊กหลังหีบ) วรรณะดั่งเหล็ก-ทองคำ
๒. เป๊กหน้าทั่ง ระบบสี่เหลี่ยมลูกเต๋า หรือคล้ายทั่งตีเหล็ก วรรณะดั่งหล็ก-ทองคำ
๓. เป๊กมะหลอด ระบบคล้ายลูกสมอ วรรณะแดงดั่งน้ำห้าง หรือน้ำราก
๔. เป๊กซูมน้ำคำ ระบบปุ่มรอบตัวเอง วรรณะดั่งเหล็ก-ทองคำ
๕. เป๊กมะบ้าผีแป๋ง ระบบลูกสบ้า วรรณะน้ำตาลอมดำ
๖. เป๊กแมงเหนียงงำรัง ระบบคล้างตัวแมลงปีกแข็ง วรรณะน้ำตาลดำ
เป๊กที่ออกสีมุก เรียกว่าเป๊กมุกดา แต่ไม่ปรากฏลักษณะทรงผลึกฝนตำนาน ทรงผลึกแร่ต่างๆ ที่จะเรียกเป๊ก มักจะเป็นผลึกแร่โตนเสมอ จึงจะเรียกว่าเป๊ก
ลักษณะแก้วแสงวิชรเป๊กและลำดับคุณค่าอัตราซื้อขายในสมัยโบราณ
หมวดแก้วปทัมราค(แก้วปทัมราค)
- ปทัมราค สุวรรณมณีคำ วรรณะดั่งคำย้อม (วาวทอง) มีองคะดั่งแมงเหนี่ยง ทำรัง ค่าเหลือคณา
- ปทัมราค มีวรรณะดั่งมะม่วงสุก มีพื้นสระ ค่าห้าพันคำ
- ปทัมราค มีวรรณะดั่งน้ำราก (น้ำสนิมแดงโคลน) ค่าห้าพันคำ
- ปทัมราค มีวรรณะดั่งน้ำขมิ้น (เหลืองทอง) ค่าห้าพันคำ
- ปทัมราค มีวรรณะดั่งพริกสุก (เหลืองอมส้ม) ค่าสี่พันคำ
- ปทัมราค มีวรรณะดั่งชมพู่ ค่าร้อยเงิน
หมวดแก้วปทัมก่าน(ปทัมราคสหชาติ)
- สัตตรัตนปทัมก่าน วรรณะแดง มีไหมขาว-เขียว ปักหม่นสนเกี้ยวกันอยู่เต็มแก้ว ค่าเหลือคณา
- ปทัมก่าน น้ำแดงหัว น้ำดำกลาง น้ำเขียวขาวหาง ค่าหมื่นคำ
- ปทัมก่าน น้ำเขียวหัว น้ำดำกลาง น้ำเหลืองหาง ค่าพันคำ
- ปทัมก่าน มีเส้นแดงหัว เส้นแดงกลาง แก้วสามเส้นอยู่หาง ค่าพันคำ
หมวดแก้วก้อ(ทับทิม)
- แก้วก้อวิเศษมีฤทธิเหลือคณา คือแก้วก้อดิบ วรรณะขาวเหลือง มีสร้อยในแก้วดังบอกไฟ(บั้ง)หรือไฟผางปะตีป(ประทีบถ้วย)นั้นไหลไปมา ค่าเหลือคณา
- แก้วก้อเท่าเม็ดชมพู่ แดงดั่งอาทิตย์ รัศมีรุ้ง ๑๒ ขา ค่าเหลือคณา
- แก้วก้อมีฤทธิ์ ๘๐๐ วา เม็ดเท่าลูกปู
- แก้วก้อมีฤทธิ์ ๖๐๐ วา เม็ดเท่าถั่วน้อย (ถั่วแขก)
- แก้วก้อมีฤทธิ์ ๓๐๐ วา เม็ดเท่าถั่ว มีเปลวพุ่งขึ้นบน
- แก้วก้อมีฤทธิ์ปราบ ๒๐๐ วา เม็ดเท่าหอมป้อม (เม็ดผักชี) ค่าร้อยคำ
- แก้วก้อมีฤทธิ์ปราบ ๑๐๐ วา แดงอย่างหางและเลือดไก่ดิบ มีองคะแกมอ้อยดำ ค่าร้อยเงิน
หมวดแก้วมรกต
- มังคละจุฬามณี วรรณะดั่งน้ำผึ้ง ในแก้วมีรูปสี่เหลี่ยมรูปพระเจ้า รูปเจดีย์ รูปไม้ศรี (ต้นโพธิ์) รูปนกยูง รูปนกเขียน หงส์ ช้าง ราชสีห์ รถ เกวียน อยู่ข้างใน ค่าเหลือคณา
- มหาธุรกัณฐี วรรณะดั่งดอกหวายแห้ง แก้วน้ำผึ้งมีธนูคำกำปุ้ง ๖ ขา ค่าแสนคำ
- มรกตยอดเต้า วรรณะดั่งยอดเต้า ค่าแสนคำ
- มรกตผิวไผ่ วรรณะดั่งผิวไผ่ ค่าแสนคำ
- มรกตบ่อน้ำตาล วรรณะเขียวดั่งใบหอม มีกำปุ้งงำกลางไหลไปมา ค่าแสนคำ
- มรกตผิวหวาย วรรณะดั่งหวายแห้ง ค่าแปดหมื่นคำ
- มรกตสิ้วหัวเป็ด วรรณะสิ้ว (สีสิ้วคือสีเขียวหัวเป็ด) เวลาใช้เงินแถบ (เหรียญเงิน) ขูดมีขุยแดง คือ ดั่งขูดทองแดง ค่าหมื่นคำ
- มรกตปีแมงภู่ วรรณะดั่งปีแมงภู่ ค่าหกพันคำ
- ปรไมยไอศวร ทรงผลึกกลมดั่งหมากซัก (ลูกซัก) วรรณะดั่งน้ำจริง ค่าแปดหมื่นเงิน
- มรกตดอกจังกร วรรณะดั่งดอกจังกร ค่าหกพันเงิน
- มรกตสีแววคอนกยูง วรรณะดั่งแววคอนกยูง ค่าพันคำ
- มรกตเนรกัณฐี วรรณะดำดั่งรักมีแสงรัศมี แสด ขาว หม่นกาบอ้อยมีขากำปุ้ง
- มรกตนาควิตูล วรรณะดั่งน้ำรัก มีหมักคำออก ดั่งหมากน้ำเหลืองกลางแก้ว
หมวดแก้วมหานิล
- แก้วมหานิลปทัมราค วรรณะดำ ในแก้วเป็นน้ำปทัมราคแดงดั่งบอกไฟผางประทีป ค่าเหลือคณา
- มหานิลไข่กา วรรณะดั่งสีเปลือกไข่กา ค่าแสนคำ
- มหาอินทนิล วรรณะดั่งแววคอนกยูง ค่าแสนคำ
- มหานิลโภคำ วรรณะแดงแสดเกี้ยวขึ้นลูกแก้ว ค่าแสนคำ
- มหานิลทรายคำ มีหมัดทรายคำอยู่ในแก้ว
- มหานิลสีหมากซัก วรรณะดั่งลูกซัก ค่าพันคำ
- มหานิลเลือดไก่ วรรณะดั่งเลือดไก่ ค่าสี่พันเงิน
- มหานิลนกกระจาบ วรรณะดั่งนกกระจาบ รัศมีส่องใน ค่าพันเงิน
- มหานิลน้ำทับ วรรณะดำดั่งลูกหมากซัก ค่าพันเงิน
- มหานิลสีดอกผักตบ วรรณะดั่งดอกผักตบ ค่าพันเงิน
หมวดแก้ววิตูล
- วิตูลเทศไข่ฟ้า วรรณะดั่งประภาชมชื่น มีเงาป้านกลางดั่งเมฆขึ้นอากาศ มีลักษณะดั่งไข่นกจันทร์มีผิวจุ่มไว้ด้วยเหมย (น้ำค้าง)จับอยู่ ค่าเหลือคณา
- วิตูลน้ำผึ้ง วรรณะดั่งน้ำผึ้ง ค่าแสนคำ
- วิตูลประกาย มีแสงดั่งดาวประกาย ค่าแสนคำ
- วิตูลปทัมก่าน วรรณะดั่งน้ำผึ้งไหมแสดแดง แสดเหลืองผ่านในดั่งน้ำไหล ค่าแสนคำ
- วิตูลน้ำตาล วรรณะดั่งน้ำตาล ค่าสี่พันคำ
- วิตูลเทศฟองสมุทร มีน้ำไหลในดั่งแมงเหนี่ยงทำรัง ค่าพันคำ
- วิตูลดอกธารบุษ วรรณะดั่งดอกธารบุษ ค่าพันคำ
- วิตูลปุมเป้งปา วรรณะดั่งดอกปุมเป้งปา ค่าพันคำ
- วิตูลเทศดอกพุทธ วรรณะดั่งดอกพุทธรักษา ค่าห้าพันเงิน
- วิตูลขนทะลาย วรรณะขาวเหลือง ขนซ้อนกันเยื้อไปมา ค่าห้าพันเงิน
- วิตูลฝนแสนห่า วรรณะดั่งดอกคำ มีขนซ้อนขึ้น ค่าสี่พันเงิน
- วิตูลขนบ้ง วรรณะเขี้ยวก็มี เหลืองก็มี มีขนในแก้ว ค่าพันเงิน
- วิตูลน้ำหาย วรรณะใสดั่งต่อมน้ำ ค่าพันเงิน
- วิตูลน้ำค้าง วรรณะดั่งน้ำค้างชายคา ค่าพันเงิน
หมวดแก้วประภา(แก้วประพาฬ)
- แก้วประภา วรรณะดั่งดอกอ้อ(มันสมอง)จระเข้ ค่าแสนคำ
- แก้วประภา วรรณะดั่งดอกมะม่วงสุก ค่าสี่พันคำ
- แก้วประภา วรรณะดั่งแก่นตานกยูง ค่าสี่พันคำ
- แก้วประภา วรรณะดั่งหอยสังข์ ค่าพันคำ
- แก้วประภาชมชื่น นอนหลับตื่นลุกถิน วรรณะดั่งข้าวเปลือกแช่น้ำผิวเหลือง ค่าพันคำ
- แก้วจิรประภา วรรณะดั่งน้ำข้าวมวก(น้ำซาวข้าว) ไหมพานกลางแก้ว ค่าพันคำ
- ประภาเมฆมุงเมือง มีควันฝ้าอยู่ในแก้ว ค่าพันคำ
- ประภาน้ำครั่ง มีวรรณะดั่งน้ำครั่ง ค่าพันคำ
- สร้อยประภา(สุริยประภา) มีวรรณะแดงดั่งดวงตะวัน ค่าพันคำ
- จันทรประภา มีวรรณะขาวเหลือง ดั่งดอกบัว ค่าสามพันเงิน
แก้วเผือก
- แก้วเผือกวชิรเป๊กพรหม ๓ หน้า วรรณะสาม คือ ขาว ? เหลือง ? เขียว ค่าห้าพันคำ
- แก้วเผือกวรรณะดั่งหอยสังข์ มีเหลี่ยมสิบสองเหลี่ยม ค่าพันคำ
- แก้วเผือกวรรณะดั่งดอกตาเหิน(เขียวอ่อนดั่งใบข่า) ค่าพันคำ
- แก้วเผือกวรณะดั่งเขาไกรลาศ เหลี่ยมร้อยเหลี่ยม ค่าหมื่นเงิน
- แก้วเผือกคำคาย ขาวดั่งเงินดอกไหมคำคาย ค่าหมื่นเงิน
- แก้วเผือกวรรณะดั่งต่อมน้ำจริง มีแสดขาวเกี้ยวขึ้นไปต้องหน้าแก้ว ค่าสามพันเงิน
- แก้วเผือกวรรณะดั่งปลายเขายุคันธร มีองคะกลมดั่งลูกซัก ค่าพันเงิน
อัปมงคลว่าด้วยการถือสี
แก้ววิตูลลูกใด สีดั่งไฟแห้มไหม้ (ไฟไหม้เกรียม) ไม่เป็นมงคลกับผู้ถือ จัดเป็นโทษารัตนา
มงคลและอัปมงคลว่าด้วยการได้แก้ว
แก้วลูกใด เมื่อต่อซื้อขายกัน ได้ยินข่าวว่าเสียของ หรือด่ากันแก้วลูกนั้นมงคลแล
แก้วลูกใด ขณะเมื่อจะซื้อต่อรองราคากัน เมื่อใดยินข่าวมีคนตกน้ำตายในขณะที่เกี่ยงราคากันอยู่ จะมีมูลค่าเท่าไหร่ ควรเอาไว้แล จะเป็นแก้วมงคลเจริญยิ่ง
แก้วลูกใด เมื่อกำลังต่อซื้อขายกันอยู่ มีคนเอาของหวานมาให้รับประทาน แก้วลูกนั้นได้มาก็จะเป็นมงคล มีทรัพย์สินข้างม้าตามมาแล
แก้วลูกใด ซื้อขายกันแล้ว ได้แก้วนั้นมา มีคนเอาเงินและทรัพย์สินมาให้ มงคลแล
แก้วลูกใด ขณะเมื่อต่อรองซื้อขายกัน มีศพผ่านหน้าเราจักเป็นมงคลบริสุทธิ์นักแล
แก้วลูกใด เมื่อได้มาแล้ว นอนฝันเห็นศพเน่าพุพอง มงคลโชคชัยยิ่งนักแล
แก้วลูกใด เมื่อได้มาแล้ว ฝันเห็นบ่อน้ำก็ดี สระน้ำก็ดี ใสงาม แก้วนั้นย่อมเป็นมงคล ชุ่มเย็นนักแล
แก้วลูกใด เมื่อได้มาแล้ว ฝันเห็นฟักทอง ฟักเขียว กลิ้งเข้าประตูเรือน ดีนักแล
แก้วลูกใด ขณะเมื่อซื้อต่อรองกัน มีคนตาบอดเข้ามา อย่าเอาดีกว่า เพราะจะวินาศฉิบหายแล
แก้วลูกใด ขณะเมื่อซื้อต่อรองกัน มีคนสวมเสื้อแดงทัดดอกไม้เข้ามา ลางไม่ดี จะเสียของตนแล
แก้วลูกใด ขณะเมื่อซื้อต่อรองกันอยู่ มีคนเอาของส้มมาให้รับประทาน ลางไม่ดีจะเสียลูกและเมีย
แก้วลูกใด ขณะเมื่อซื้อต่อรองกันอยู่ มีคนเอาเหล้ามาให้กินลางมิดีแล
แก้วลูกใด เมื่อได้มาแล้ว มีคนชวนไปที่ไหน พึงปฏิเสธในวันที่ได้แก้วนั้น หาไม่จะเป็นพยาธิแล
แก้วลูกใด เมื่อได้มาแล้ว มีจิตโกรธ ลางไม่ดี จะเจ็บป่วยเดือดร้อนแล
แก้วลูกใด เมื่อได้มาแล้ว ฝันเห็นไฟ จะเสื่อมเดชแล
ลักษณะความเชื่อ เกี่ยวกับอย่างไหน ใช้ทางใด
ความเชื่อถือและความนิยมเกี่ยวกับแก้วโป่งข่ามแบบต่างๆ มีผู้นิยมเชื่อถือตามประสบการณ์และความเชื่อถือเก่าๆดังนี้
การอยู่ยงคงกระพัน
- แก้วสีฟ้า(บ่อแก้วโป่งข่ามหลวง คือ บ่อแก้วสีฟ้า และแก้วแร แก้วใส)
- แก้วปวกเขียว และปวกสีต่างๆ
- แก้วขนเหล็ก ขนไหม
- แก้วขาว
- แก้วเข้าเป๊ก(บ่อแก้วดอยเขาควาย)
- ขนเหล็กน้ำตัน ฯลฯ
การมีอำนาจชนะฝ่ายตรงข้าม
- แก้วเส้นต่างๆ(บ่อเด่นยาว)
- แก้วฝนแสนห่า
การมีเมตตามหานิยม
- แก้วสีฟ้าแร
- แก้วเนื้อลำไย
- แก้วปวกเขียว ปวกสีต่างๆ
- แก้วกาบ
- วิตูลต่างๆ(บ่อหนามเหี้ยง)รวมทั้งแก้วหินทราย แก้วหินสีต่างๆ
การมีฤทธิ์ คลาดแคล้ว และความสำเร็จ
- ได้แก่ แก้วปวกเขียว ซึ่งประวัติเรื่องราวมากที่สุด
การมีโชค และเป็นแม่แก้วต่างๆ
- แก้วเข้าแก้วจากหน่อแม่ และหน่อโตน
- แก้วเข้าเป๊ก
แม่แก้วหมายถึงแก้วที่ชอบมีบริเวณพ่วงตามมา เช่น เมื่อมีแก้ว ๑ แล้วมักจะได้ของดีตามติดกันมาอีก ผู้คนมีคาถาอาคมปลุกเสก ทดลองโดยเอาแก้ว ๑ อธิษฐาน แก้วที่มีลักษณะเป็นแม่เหนือกว่า จะหันหัวเข้าไปหาแก้ว ๒ ที่เป็นลูก
การมีโชค ลาภลอย
- แก้วแร
- แก้วเนื้อลำไย
การมียศ
- แก้วกาบ
- แก้วสุริยประภา(วิตูลหนามเหี้ยง แดงเพลิง)
ความชุ่มเย็น กันไฟ
- แก้วน้ำหาย
- แก้วเข้าแก้ว
- แก้วใสขาวต่างๆ
- แก้วเข้าสลัก รูปต่างๆ
ความอยู่เย็นเป็นสุข
- แก้วปวก
- แก้วกาบ
- แก้ววิตูลสีน้ำตันต่างๆ
ความผจญภัย
- แก้วขนเหล็ก น้ำใสและน้ำตันต่างๆ
-แก้วเข้าเป๊ก
ความมีชื่อเสียง อำนาจวาสนา ดีในการเดินทางและแสดงโชคลาง
- แก้วสีฟ้า
- แก้วหมอกมุงเมือง
- แก้วปวก ๓ สี
* แก้วสีฟ้า และปวกสี เมื่อจะมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลง สีซีดลงมักมีข่าว หรืออยู่ในระยะกังวลใจ แก้วหมอกมุงเมือง เวลามันวาวมักมีโชคดีในการเดินทาง
ร่ำรวย มั่นคง
- แก้วสามกษัตริย์
- แก้วเข้าแก้ว
- แก้วประภาชมชื่น
- แก้วเข้าหลักเงิน หลักคำ
- แก้วกินบ่เสี้ยง
- แก้วทรายคำ? หมัดคำ
ยศตำแหน่ง
- แก้วพรหมสามหน้า
- แก้วกาบ
- แก้วสุริยประภา
- แก้วสลัก
- แก้วปวกต่างๆ ที่มีปรากฏการณ์เติบโตได้
อาจจะมีแก้วชนิดอื่นๆ ที่มีคุณค่าต่างกันออกไป โดยผู้ใช้ต้องอาศัยประสบการณ์ และสังเกตดูการต้องโฉลกในการใช้ เพราะการใช้แก้วนั้น เราจะทราบทันทีกับเหตุการณ์ที่ได้แก้วนั้นมาในระยะที่เริ่มใช้ ตำรวจชอบแก้วปวกเขียว พ่อค้าชอบปวกเขียว ข้าราชการชอบปวกสีและสีฟ้า ทหารชอบขนเหล็กน้ำตัน และขนเหล็กน้ำใส หนุ่มสาวชอบวิตูลต่างๆ พ่อค้าอาจจะไม่สู้ชอบขนเหล็กเท่าตำรวจ ทหารที่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับโชคชัยในการต่อสู้ แต่มิใช่โชคชัยในการค้าขาย
มนุษย์เรามีความเชื่อถือในพลังลี้ลับของแก้ว แต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ แก้วนิลสีน้ำตาลในพิพิธภัณฑ์ปารีสถือว่าเคยเป็นแก้วอัญมณี เครื่องโชคลางแห่งสก๊อตแลนด์ มีการสืบทอดแก้วที่ถือเป็นโชคลาง ระหว่างพระเจ้าชาร์ล เลอมัง จนถึงพระเจ้านโปเลียน จนกระทั่งถึงพระเจ้าหลุยส์นโปเลียนที่ ๓
แก้วโป่งข่ามยังมีคุณในแก้วต่างชนิด จากประสบการณ์ต่งๆตามลักษณะความเชื่อถือที่แตกต่างกันออกไป
![]() |
แก้วโป่งข่ามสามารถใช้เป็นเครื่องประดับ ทั้งสร้อยคอ แหวน จี้ห้อยคอฯลฯ อีกทั้งยังให้ความขลัง ป้องกันภูตผีปีศาจ ภัยอันตรายได้ ขึ้นอยู่กับความศรัทธาของบุคคล |